“โนอึล” ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย 29 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ

ข่าวล่าสุด

(22 กันยายน 2563) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุ “โนอึล” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบางพื้นที่ ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก วาตภัย และดินสไลด์ โดยมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 29 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง แพร่ ลำพูน ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร เลย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ มุกดาหาร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลพบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 121 อำเภอ 236 ตำบล 436 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,141 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (ระนอง) ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย (เพชรบูรณ์)

แยกเป็น พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก จำนวน 22 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง แพร่ ลำพูน ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ มุกดาหารอุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลพบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ระนอง และพังงา รวม 75 อำเภอ 121 ตำบล 233 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,856 ครัวเรือน ยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดแพร่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอสูงเม่น รวม 5 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขัง 10 – 15 เซนติเมตร

พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ขอนแก่น มุกดาหาร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตราด พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวม 56 อำเภอ 129 ตำบล 229 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 746 หลัง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย (เพชรบูรณ์) พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ แพร่ และระนอง รวม 3 อำเภอ 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (ระนอง) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน

นายชยพล กล่าวต่อว่า ปภ. ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป